ประเทศไทยดัน14ประเทศยานยนต์ ใช้มาตรฐานเดียวกันเพื่อความปลอดภัย ส่งเสริมการนำเข้าและส่งออกยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ของประเทศต่างๆ ในเอเชีย
เมื่อวันที่14 ธันวาคม 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างวันที่ 13-14 ธันวาคม 2561 กรมการขนส่งทางบกโดยสำนักวิศวกรรมยานยนต์ ร่วมกับ Japan Automobile Internationalization Center (JASIC) และหน่วยงานจากประเทศต่างๆ ในทวีปเอเชียประกอบด้วยไทย บรูไน กัมพูชา จีน จีนไทเป (ไต้หวัน) อินเดีย อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ เวียดนาม และญี่ปุ่น ได้จัดการประชุมร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชนในภูมิภาคเอเชีย ครั้งที่ 9 ที่ห้องประชุมโรงแรมเดอะริเวอรี บาย กะตะธานี อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย เพื่อหารือในเรื่องการสนับสนุนการประสานข้อกำหนดทางเทคนิคด้านยานยนต์ และการยอมรับร่วมกันของการให้ความเห็นชอบแบบยานยนต์และชิ้นส่วนยานยต์ของประเทศต่างๆ ในเอเชีย และสนับสนุนให้ประเทศต่างๆ ในเอเชียเข้าร่วมเป็นภาคีความตกลงของคณะทำงานที่ 29 ว่าด้วยการประสานข้อกำหนดทางเทคนิคด้วยยานยนต์ (WP 29 หรือ World Forum for Harmonization of Vehicle Regulations) และส่งเสริมการนำเข้าและส่งออกยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ของประเทศต่างๆ ในเอเชีย
ในการประชุมครั้งนี้มีเจ้าหน้าที่ภาครัฐของไทยและเอเชีย รวมถึงเจ้าหน้าที่ภาคอุตสาหกรรมเข้าร่วมประมาณ 150 คน
นายกมล บูรณพงศ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้มีกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนเข้าร่วมจำนวน 10 ประเทศและยังมีประเทศที่เกี่ยวข้องดังกล่าวเข้าร่วมรวมเป็น 14 ประเทศดังกล่าว ซึ่งการประชุมจะก่อให้เกิดความร่วมมือในการพัฒนาความร่วมมือตาม WP 29 ด้านเทคนิคและข้อกำหนดต่างๆ ร่วมกันในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งจะเกี่ยวข้องไปถึงการดูแลสภาพแวดล้อม ประหยัดพลังงาน ความปลอดภัย สำหรับประเทศไทยเรามีการผลิตยานยนต์เพื่อการส่งออก ดังนั้นหากชิ้นส่วนยานยนต์และอื่นๆ อยู่ภายใต้ข้อตกลงเดียวกันก็จะทำให้สามารถใช้รูปแบบและมาตรฐานเดียวกันในการทำการค้ากับประเทศต่างๆ ได้ต่อไป ดังนั้นไทยเราจึงมีความพยายามจัดการประชุมนี้ขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี
“หากบรรลุข้อตกลงหลังจากนี้ทางภาครัฐ และเอกชน ก็จะปรับด้านข้อกำหนดเพื่อให้สอดรับเป็นมาตรฐานสากลมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ในเชิงของเหตุผลนั้นถือว่ามีประโยชน์มากในการรวมกันเป็นหนึ่งเดียวและมีข้อตกลงที่ช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุทางถนนรวมถึงเพิ่มการปกป้องด้านสิ่งแวดล้อมและอำนวยความสะดวกด้านการค้าในภูมิภาคเอชียต่อไป”นายกมล กล่าว
////